หาเหตุของอวิชชาหน่อยซิ…..อะไรคือเหตุแห่งอวิชชา

หาเหตุของอวิชชาหน่อยซิ…..อะไรคือเหตุแห่งอวิชชา

977
0
แบ่งปัน

>>>ศิษย์ถาม : กราบนมัสการครับ..  เมื่อคืนนอนพิจารณาธรรม..ฮ่าๆๆ…  นี้เป็นมุมมองของผมครับ….

หาเหตุของอวิชชาหน่อยซิ.....อะไรคือเหตุแห่งอวิชชาทุกหัวข้อธรรมมีหน้าที่เฉพาะตนอยู่ครับ….อนัตตาทำหน้าที่…ให้เราไม่ยึดในความเป็นเรา..(แต่ยังเป็นเรารู้)….

โลกุตละธรรมมีหน้าที่…. มีปัญญาเห็นตามความเป็นจริงว่าปัจจัยบนโลกไม่ใช่เครื่องอยู่ของจิตเรา…เราหลงไปตามกระแสโลกเพราะความไม่รู้…..

วิชา..มีหน้าที่ทำความเข้าใจทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นมายา...เพราะเห็นว่าเราดำเนินชีวิตบนความไม่รู้..กระทำกรรมเพราะความยึดว่าเป็นเรา….ปัจจัยบนโลกทุกอย่าง….สภาวะธรรมใดๆล้วนไม่ใช่เรา….

วิมุติ..ทำหน้าที่…หยุดวัฏฏะสงสาร…เพราะเราจะมีปัญญาเข้าใจว่า….

แม้เราผู้ประฏิบัติจนบรรลุธรรมนั้นก็เป็นมายา….แม้..อนัตตา…โลกุตละธรรม...วิชา….วิมุติ…และนิพาน…ล้วนไม่มีจริง…

เพราะมันเป็นของเจ้าคนนี้..….เพราะแท้จริงแล้วเจ้าคนนี้มันไม่มี….
ทุกอย่างของเจ้าคนนี้จึงไม่มี…แต่มันก้เป็นจริงสำหรับเจ้าคนนี้….
แต่เป็นมายาของจิต……ฮ่าๆๆมั่วๆ..

แต่ทุกหัวข้อธรรมนั้นก็เป็นเพียงปัญญารู้…..
เกิดดับตามสภาวะ……เพราะเรายังไม่ตาย…
แต่รู้แล้วรู้เลย….ครับ..มั่วปะครับพระอาจารย์ขยายธรรมทีครับ…..
กราบนมัสการ

>>> พระอาจารย์ตอบ : ธรรมะ มันก็คิดเอาได้ และไปเรื่อยตามเหตุและผลของมัน ทางธรรมมันก็ปรุงไปทางธรรมของมัน

ต้นไม้ มันไม่มีความรู้สึกนึกคิดอย่างเรา แต่มันก็หาหนทางสอดส่ายเข้าไปหาแสงสว่าง นี่..มันก็ปรุงไปตามวิถีของมัน มันปรุงไปอย่างไม่มีเจ้าของ แต่ตัวเรามันปรุงอย่างผู้มีเจ้าของ มันต่างกันตรงนี้

หากเรารู้เห็นว่า ความรู้สึกนึกคิด ทั้งเหตุและผล ถูกผิดจริงไม่จริง มันเป็นอาการหนึ่งของจิต ที่มันปรุงไปตามหน้าที่มันเหมือนดั่งต้นไม้

มานะ ทิฏฐิ ตัณหา มันก็จะไม่เกิด เพราะไม่มีตัวกูเข้าไปเป็นเจ้าของการปรุง

การปรุงนี้เป็นผลของ อวิชชาตัวหนึ่ง มันย่อมปรุงไปเรื่อยทั้งทางธรรมและทางโลก

ทางธรรมก็คือมันปรุงไปตามสภาวะแห่งความเป็นธรรมดาของมั

ส่วนทางโลกมันมีเจ้าของการปรุง คือผู้เสือกรู้ทั้งหลาย

ผู้เสือกรู้ทั้งหลาย ไม่รู้ว่า นี่คือการปรุง จึงให้นิยามสมมุติต่างๆ ว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้

ต่อมรู้เหล่านี้ มันเป็นแหล่งแห่งภพทั้งนั้น ว่างแล้ว เข้าใจแล้ว รู้แล้ว บรรลุแล้ว ถึงที่สุดแห่งทุกข์แล้ว สิ้นสงสัยในธรรมทั้งหลายแล้ว เหล่านี้…ล้วนเป็นภพ

เมื่อภพมี ชาติก็มี เมื่อชาติมี อะไรก็เกิดตามๆ  กันมาก็มีอีกจม นี่..เพราะมีกูเป็นเจ้าของภพเป็นเหตุ

ภพนี้เป็นผลแห่งอุปาทาน อุปาทานเป็นผลแห่งตัณหา

ตัณหาเป็นผลแห่งเวทนา

เวทนาเป็นผลแห่ง ผัสสะ

ผัสสะเป็นผลแห่งอายตนะ

อายตนะเป็นผล แห่งนามรูป

นามรูปเป็นผลแห่งวิญญาณ

วิญญาณเป็นผลแห่งจิตสังขาร

จิตสังขารเป็นผลแห่งอวิชชา

แล้วอวิชชา เป็นผลแห่งอะไร…..??????

นี่..ท่านผู้รู้ธรรมทั้งหลาย อวิชชาที่กล่าวๆ  กันมามันเป็นผลมาจากอะไร ตอบตรงนี้ได้ ปัญญาท่านเข้าถึงธรรม เพราะคำถามนี้ มันเหนือลายแทงแห่งปฏิจสมุปบาท ที่อ่านๆ  จำๆ  กันมา

ผู้รู้แจ้ง ย่อมวิเคราะห์และอธิบายออกมา ตามปัญญาญานที่เข้าถึง หากอธิบายด้วยการจำ ข้าจะตีด้วยธรรม

หากเข้าใจว่าตนแจ้งจริงแท้ ธรรมที่ตี จะกลายเป็นโมทนา แล้วจะได้รู้ว่า ที่คิดว่าถึงธรรมนั้น มันจะแสดงผลออกมา โดยที่ไม่จำเป็นต้องให้ใครมา พยากรณ์ว่า ธรรมทั้งหลาย เราเข้าถึงจริงหรือไม่จริง.

ลองตอบและอธิบายมาซิ อวิชา…เป็นผลของอะไร..???

พระธรรมะเทศนา พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง เทศนาเมื่อ 17 กรกฎาคม 2557
จากการถาม-ตอบ จิตไร้การอบรม…ย่อมเป็นโท